วันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียนครั้งที่5
วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2560

ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ


เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้  (Children with Learning Disabilities
         เรียกย่อๆ ว่า L.D. (Learning Disabilities)
  • เด็กที่มีปัญหาทาการเรียนรู้เฉพาะอย่าง
  • ไม่นับรวมเด็กที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อยทางการเรียน เด็กมีปัญหาเนื่องจากความพิการ หรือความบกพร่องทางร่างกาย
     สาเหตุของ L.D.
  1. ความผิดปกติของการทำงานของสมองที่ไม่สามารถถอดรหัสตัวอักษรออกมาได้ (เชื่อมโยงภาพตัวอักษรเข้ากับเสียงไม่ได้)         
  2. กรรมพันธุ์
     1.ด้านการอ่าน (Reading Disorder)
  • อ่านหนังสือช้า ต้องสะกดทีละคำ
  • อ่านออกเสียงไม่ชัด ออกเสียงผิด หรืออาจข้ามคำที่อ่านไม่ได้ไปเลย
  • ไม่เข้าใจเนื้อหาที่อ่าน หรือจับใจความสำคัญไม่ได้
                  ตัวอย่าง
     หาว          --->          หาม/หา
     ง่วง          --->          ม่วม/ม่ง/ง่ง
     เลย          --->           เล
     อาหาร      --->          อาหา
     เก้าอี้        --->           อี้
     อรัญ          --->         อะรัย

  ลักษณะของเด็ก L.D. ด้านการอ่าน

  1. อ่านช้า อ่านคำต่อคำ ต้องสะกดคำจึงจะอ่านได้
  2. อ่านออกเสียงไม่ชัดเจน
  3.  เดาคำเวลาอ่าน
  4. อ่านข้าม อ่านเพิ่มคำ อ่านผิดประโยคหรือผิดตำแหน่ง
  5. อ่านโดยไม่เน้นคำ หรือเน้นข้อความบางตอน
  6. ผันเสียงวรรณยุกต์ไม่ได้
  7. ไม่รู้ความหมายของเรื่องที่อ่าน
  8. เล่าเรื่องที่อ่านไม่ได้ จับใจความสำคัญไม่ได้
     2.ด้านการเขียน (Writing Disorder)
  • เขียนตัวหนังสือผิด สับสนเรื่องการม้วนหัวอักษร เช่น ม เป็น น หรือจาก ภ เป็น ถ เป็นต้น
  • เขียนตามการออกเสียง เช่น ประเภท เขียนเป็น ประเพด
  • เขียนสลับ เช่น สถิติ เขียนเป็น สติถิ
    ลักษณะของเด็ก L.D. ด้านการเขียน
  1. ลากเส้นวนๆ ไม่รู้ว่าจะม้วนหัวเข้าในหรือออกนอก ขีดวนๆ ซ้ำๆ
  2. เรียงลำดับอักษรผิด เช่น สถิติ เป็น สติถิ
  3. เขียนพยัญชนะหรือตัวเลยสลับกัน เช่น  ม-น,ภ-ถ,ด-ค,พ-ผ,b-d,p-q,6-9 
  4. เขียนพยัญชนะ ก-ฮ ไม่ได้แต่บอกให้เขียนเป็นตัวๆ ได้
  5. เขียนพยัญชนะ หรือ ตัวเลขกลับด้าน คล้ายมองจากกระจกเงา
  6. เขียนคำตามตัวสะกด เช่น เกษตร เป็น กะเสด
  7. จับดินสอหรือปากกาแน่นมาก *เขียนกดแรง มีลอยลบบ่อยเวลาเขียน
  8. สะกดคำผิด โดยเฉพาะคำพ้องเสียง ตัวสะกดแม่เดียวกัน ตัวการันต์
  9. เขียนหนังสือช้า เพราะ กลัวสะกดผิด
  10. เขียนไม่ตรงบรรทัด ขนาดตัวอักษรไม่เท่ากีน ไม่เว้นขอบ ไม่เว้นช่องไฟ
  11. ลบบ่อยๆ เขียนทับคำเดิมหลายครั้ง
                  ตัวอย่าง
     ปาลแผล   --->       บาดแผล
     รัมระบาล    --->      รัฐบาล
     ผีเสื้อมดุร   --->      ผีเสื้อสมุทร
     ไกรรง     --->         กรรไกร
     เกสรกะ     --->      เกษตรกร
     ดักทุก     --->       บรรทุก


 L.D. ด้านการเขียน

     3.ด้านการคิดคำนวณ (Mathematics Disorder) 
  • ตัวเลขผิดลำดับ
  • ไม่เข้าในเรื่องราวการทดเลขหรือการยืมเลขเวลาทำการบวกหรือลบ
  • ไม่เข้าใจหลักเลขหน่วย สิบ ร้อย
  • แก้โจทย์ปัญาเลขไม่ได้   ***เด็กผู้หญิงเป็นเยอะกว่าเด็กผู้ชาย
     ลักษณะของเด็ก L.D. ด้านการคำนวณ
  1. ไม่เข้าใจค่าของตัวเลขเช่นหลักหน่วยสือ ร้อย พัน หมื่น เป็นเท่าใด
  2. นับเลขไปข้างหน้าหรือถอยหลังไม่ได้
  3. คำนวณบวก ลบ คูณ หาร โดยการนับนิ้ว
  4. จำสูตรคูณไม่ได้
  5. เขียนเลขกลับกันเช่น 13 เป็น 31
  6. ทดไม่เป็นยืมไม่เป็น
  7. ตีโจทย์เลขไม่ออก
  8. คำนวณเลขจากซ้ายไปขวาแทนที่จะทำจากขวาไปซ้าย
  9. ไม่เข้าในเรื่องเวลา
     4.หลาย ๆ ด้านร่วมกัน เขียน/อ่าน/คำนวณ
    อาการที่มักเกิดร่วมกันกับ L.D.
  1. แยกแยะขนาดสีและรูปร่างไม่ออก
  2. มีปัญหาความเข้าใจเกี่ยวกับเวลา
  3. เขียน/อ่านตัวอักษรสลับซ้าย-ขวา
  4. งุ่มง่ามการประสานงานของกล้ามเนื้อไม่ดี
  5. การประสานงานของสายตา-กล้ามเนื้อไม่ดี 
  6. สมาธิไม่ได้ (เด็ก L.D. ร้อยละ 15-20 มีสมาธิสั้น ADHD ร่วมด้วย)
  7. เขียนตามแบบไม่ค่อยได้
  8. ทำงานช้า
  9. การวางแผนงานและจัดระบบไม่ดี
  10. ฟังคำสั่งสับสน
  11. คิดแบบนามธรรมหรือคิดแก้ปัญหาไม่ค่อยดี
  12. ความคิดสับสนไม่เป็นขั้นตอน
  13. ความจำระยะสั้น/ยาวไม่ดี
  14. ถนัดซ้ายหรือถนัดทั้งซ้ายและขวา
  15. ทำงานสับสนไม่เป็นข้ันตอน
7.ออทิสติก (Autistic)
ออทิสติก (Autistic) หรือ ออทิซึ่ม (Autism)

  1. เด็กที่ไม่สามารถมีปฏสัมพันธ์กับผู้อื่น
  2. ไม่สามารถเข้าใจคำพูด ความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น
  3. ไม่สามารถที่จะสื่อสารกับคนรอบข้างและสังคม
  4. เด็กออทิสติกแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเอง
  5. ติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต  "ไม่สบตา ไม่พาที ไม่ชี้นิ้ว"
    วัด 4 ทักษะนี้
  • ทักษะภาษา
  • ทักษะทางสังคม
  • ทักษะการเคลื่อนไหว
  • ทักษะการรับรู้เกี่ยวกับรูปทรง ขนาดและพื้นที่   
   ลักษณะของเด็กออทิสติก
  1. อยู่ในโลกของตนเอง *คิดอะไรในหัวเยอะ
  2. ไม่เข้าไปหาใครเพื่อให้ปลอบใจ
  3. ไม่เข้าไปเล่นในกลุ่มเพื่อน
  4. ไม่ยอมพูด
  5. เคลื่อนไหวแบบซ้ำๆ
  • ดูหน้าแม่                --->            ไม่มองตา
  • หันไปตามเสียง     --->               เหมือนหูหนวก
  • เรียนรู้คำพูดเพิ่มเติม    --->                เคยพูดได้ต่อมาหยุดพูด 
  • ร้องเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้าใกล้  --->    ไม่สนใจคนรอบข้าง
  • จำหน้าแม่ได้         --->                    บางคนก็จำคนไม่ได้
  • เปลี่ยนของเล่น       --->                   นั่งเล่นอย่างใดอย่างหนึ่ง
  • เคลื่อนไหวอย่างมีจุดมุ่งหมาย   --->     มีพฤติกรรมแปลกๆ
  • สำรวจและเล่นตุ๊กตา       --->             ดมหรือเลียตุ๊กตา
  • ชอบความสุขและกลัวความเจ็บ   --->   ไม่รู้สึกเจ็บปวด ชอบทำร้ายตัวเอง และคนรอบข้าง


เกณฑ์การวินิจฉัยออทิสติกองค์การอนามัยโลกและสมาคมจิตแพทย์อเมริกา
  ความผิดปกติของปฏิสัมพันธ์ทางสังคม อย่างน้อย 2 ข้อ
  1. ไม่สามารถใช้ภาษาท่าทางสื่อสารทางสังคมกับบุคคลอื่น
  2. ไม่สามารถสร้างสัมพันธ์ภาพกับบุคคลให้เหมาะสมตามวัย
  3. ขาดความสามารถในการแสวงหาการมีกิจกรรม ความสนใจ และความสนุกสนานร่วมกับผู้อื่น
  4. ขาดทักษะการสื่อสารทางสังและทางอารมณ์กับผู้อื่น
     ความผิดปกติด้านการสื่อสาร อย่างน้อย 1 ข้อ
  1. มีความล่าช้าหรือไม่มีการพัฒนาในด้านภาษาพูด
  2. ในรายที่สามารถพูดได้แต่ไม่สามารถที่จะเริ่มต้นบทสนทนาหรือโต้ตอบบทสนทนากับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
  3. พูดซ้ำๆ หรือมีรูปแบบจำกัดในการใช้ภาษา เพื่อสื่อสารหรือส่งเสียงไม่เป็นภาษาอย่างไม่เหมาะสม
  4. ไม่สามารถเล่นสมมุติหรือลอกตามจินตนาการได้เหมาะสมกับระดับพัฒนาการ
     มีพฤติกรรม ความสนใจ และกิจกรรที่ซ้ำๆ และจำกัด อย่างน้อย 1 ข้อ 
  1. มีความสนใจที่ซ้ำๆ อย่างผิดปกติ
  2. มีกิจวัตรประจำวันหรือกฎเกณฑ์ที่ต้องทำไม่สามารถยืดหยุ่นได้ ถึงแม้ว่ากิจวัตรหรือกฎเกณฑ์นั้นจะไม่มีประโยชน์
  3. มีการเคลื่อนไวร่างกายซ้ำๆ
  4. สนในเพียงบางส่วนของวัตถุ
 พฤติกรรมทำซ้ำ
 พบความผิดปกติ อย่างน้อย 1 ด้าน (ก่อนอายุ 3 ขวบ) 
  1. นั่งเคาะโต๊ะ หรือโบกมือนานเป็นชั่วโมง
  2. นั่งโยกหน้าโยกหลังเป็นเวลานาน
  3. วิ่งเข้าห้องนี้ไปห้องโน้น
  4. ไม่ยอมให้เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม
ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
  1. การใช้ภาษาเพื่อสื่อความหมาย
  2. การเล่นสมมติหรือการเล่นตามจินตนาการ
  3. ไม่สามารถวินิจฉัยให้เข้าข่ายโรคใดๆได้
                                                                  
                                                                  ออทิสติกเทียม

 • ปล่อยให้เป็นพี่เลี้ยงดูแลหรืออยู่กับผู้สูงอายุ
 • ปล่อยให้ลูกอยู่กับไอแพด
 • ดูการ์ตูนในทีวี
Autistic Savant ออทิสติกอัจฉริยะ
  • กลุ่มที่คิดด้วยภาพ (Visual Thinker) จะใช้การคิดแบบอุปนัย (Bottom up Thinking)
  • กลุ่มที่คิดโดยไม่ใช้ภาพ (Music,Math and Memory Thinker) จะใช้การคิดแบบนิรนัย (Top down Thinking)

ความรู้ที่ได้รับ : การทราบถึงความหมาย อาการและเทคนิคการจัดการเรียนการสอนแก่ที่มีความต้องการพิเศษ

การนำไปใช้

  1.  นำความรู้ที่ได้เรียนไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนกับเด็กพิเศษ เราจะต้องจัดการเรียนการ
  2.  สอนให้เหมาะสมกับอาการของเด็กเเต่ละคน สอนให้เด็กเข้าใจและสอนให้เด็กสามารถช่วย
  3.  เหลือตนเองในชีวิตประจำวันได้  เมื่อเด็กมีอาการกำเริบเราสามารถนำความรู้ที่มีมาปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้
เทคนิคการสอน
  1. เทคการใช้สื่อในการสอน
  2. เทคนิคการอธิบาย
  3. เทคนิคการใช้ตัวอย่าง


ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียนในขณะที่อาจารย์สอนและตอบคำถามทุกครั้ง
ประเมินเพื่อน : เพื่อน ๆ ตั้งใจเรียนและไม่คุยกันในเวลาเรียน
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์เตรียมการสอนมาดีมาก การเรียนเป็นไปอย่างเป็นลำดับขั้นตอน มีเทคนิคการสอนที่น่าสนใจ สามารถอธิบายและยกตัวอย่างให้นักศึกษาได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น